แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - airrii

หน้า: [1]
1

การรักษาความสะอาดห้องน้ำไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากมีตัวช่วยเป็นสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ล้ำสมัย ส่วนจะมีอะไรบ้าง แล้วแต่ละอย่างน่าสนใจอย่างไร เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย เช่น ชักโครกอัจฉริยะ ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันของคนเราง่ายขึ้น ซึ่งก็รวมไปถึงการรักษาความสะอาดห้องน้ำด้วย ที่ไม่จำเป็นต้องขัดต้องล้างบ่อย ๆ ก็ยังสามารถรักษาความสะอาดห้องน้ำได้ เนื่องจากมีสุขภัณฑ์คอยเป็นตัวช่วย ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาบอกต่อ 8 สุขภัณฑ์และอุปกรณ์สุดล้ำที่มาพร้อมฟีเจอร์ในการช่วยรักษาความสะอาดห้องน้ำ แต่ละชิ้นจะเจ๋งขนาดไหน คุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่

1. ฉากกั้นอาบน้ำช่วยป้องกันแบคทีเรีย

ปัจจุบันฉากกั้นอาบน้ำป้องกันแบคทีเรียมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและราคา เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในบ้านและในสถานที่สาธารณะ โดยการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำป้องกันแบคทีเรียจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้ห้องน้ำสะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น

     ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ
    ช่วยลดการกระเซ็นของน้ำ ไม่ให้โดนอุปกรณ์อื่นๆ ในห้องน้ำเสียหาย
    ช่วยให้ห้องน้ำสะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น เนื่องจากช่วยแบ่งกั้นโซนเปียก-แห้งภายในห้องน้ำ พื้นจึงปราศจากน้ำขังเจิ่งนอง อันเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ อีกทั้งยังลดกลิ่นอับชื้นอีกด้วย

2. ระบบระบายอากาศ

ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่มีความอับชื้นและสกปรกได้ง่าย เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ระบบระบายอากาศในห้องน้ำจึงมีความสำคัญในการช่วยระบายความชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากห้องน้ำ โดยคุณสมบัติของระบบระบายอากาศที่ดีควรมีดังต่อไปนี้

    ระบบระบายอากาศควรมีขนาดเหมาะสมกับขนาดของห้องน้ำ โดยเลือกจากความสามารถในการระบายอากาศซึ่งมีหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง (CMH) หรือ ลูกบาศก์ฟุต/นาที (CFM) ซึ่งควรจะเลือกให้พอดีต่อขนาดห้อง หากเลือกขนาดเล็กเกินไปจะทำให้ดูดอากาศออกได้ไม่มากเพียงพอ และยังคงเหลือความชื้นอยู่ภายในห้อง สามารถคํานวณได้ดังนี้
    ขนาดปริมาตร ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง (CMH) = ขนาดห้อง ลูกบาศก์เมตร (ขนาดห้อง กว้าง X ยาว X สูง ) X 10
    ควรติดตั้งระบบระบายอากาศให้อยู่ในทิศทางของลม เพื่อให้ไหลไปในทิศทางที่เหมาะสม เช่น ระบายอากาศจากบริเวณอ่างล้างหน้าและห้องสุขาไปยังหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศ

3. กระเบื้องและยาแนวที่ทำความสะอาดง่าย

การเลือกยาแนวกระเบื้องที่เหมาะสมจะช่วยให้ห้องน้ำสะอาดง่ายขึ้น โดยเคล็ดลับการเลือกมีดังต่อไปนี้
    ยาแนวกระเบื้องสีขาว: เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมองเห็นคราบต่าง ๆ ได้ง่าย จึงช่วยให้ทำความสะอาดได้อย่างสะดวก
    ยาแนวกระเบื้องสีเข้ม: มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยเปื้อนได้ดี แต่มองเห็นคราบต่าง ๆ ได้ยาก
    ทั้งนี้ การเลือกยาแนวควรเลือกให้มีสีคุมโทนไปกับกระเบื้องห้องน้ำ เช่น หากกระเบื้องสีเข้มก็ควรเลือกยาแนวสีเข้ม เพื่อให้ภาพรวมดูกลมกลืน สวยงาม หรืออาจเลือกใช้เป็นสีที่ตัดกันไปเลย อย่างการใช้สีคู่ตรงข้าม เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้ห้องน้ำมีความน่าสนใจ ดูแปลกใหม่

4. ฝาท่อระบายน้ำ

การเลือกฝาท่อระบายน้ำที่เหมาะสมจะช่วยรักษาความสะอาดห้องน้ำได้ โดยแนะนำให้เลือกฝาที่มีตะแกรงดักกลิ่น เพื่อป้องกันกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ลอยออกมาจากท่อระบายน้ำ รวมถึงฝาท่อระบายน้ำควรมีลักษณะที่เรียบง่าย ทำความสะอาดได้สะดวก ไม่มีส่วนเว้าแหว่งหรือมีรอยต่อที่เศษสิ่งสกปรกอาจเข้าไปสะสมได้



5. โถสุขภัณฑ์ที่มีฟีเจอร์ช่วยรักษาความสะอาด

โถสุขภัณฑ์ที่มีฟีเจอร์ช่วยรักษาความสะอาดจะทำให้ห้องน้ำของคุณมีเชื้อโรคน้อยลง ยกตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์สารเคลือบ CEFIONTECT ของโถสุขภัณฑ์ TOTO โดยสารชนิดพิเศษนี้จะทำให้พื้นผิวสุขภัณฑ์เรียบลื่น ทำความสะอาดง่าย เชื้อโรคจึงสะสมน้อยลง หรือเลือกโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ ที่มีเทคโนโลยี EWATER+ ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดเชื้อโรคและแบคทีเรียในโถสุขภัณฑ์รวมถึงก้านฉีดชำระทุกครั้งหลังการใช้งาน ช่วยคงความสะอาดของโถและฝาชักโครก โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี ดังนั้น นี่จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความสะอาดห้องน้ำ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้ใช้งานอีกด้วย


6. พื้นผิวสุขภัณฑ์ที่ต้านเชื้อแบคทีเรีย

พื้นผิวสุขภัณฑ์ต้านเชื้อแบคทีเรียจะทำมาจากวัสดุหรือมีการเคลือบผิวด้วยสารฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน ไทเทเนียมไดออกไซด์ หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารเหล่านี้จะเข้าไปทำลายผนังเซลล์ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เชื้อแบคทีเรียตาย ช่วยให้พื้นผิวสุขภัณฑ์สะอาด รักษาความสะอาดห้องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฝารองนั่งอัตโนมัติ TOTO ผลิตจากเรซินที่เคลือบสารป้องกันแบคทีเรีย (Antibacterial Feature) สามารถช่วยลดการเกาะติดของคราบสกปรกได้



7. ก๊อกน้ำแบบไร้สัมผัส

ก๊อกน้ำไร้สัมผัส หรือ ก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยรักษาความสะอาดห้องน้ำ โดยใช้เซ็นเซอร์เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว เมื่อผู้ใช้งานยื่นมือเข้ามาในระยะเซ็นเซอร์ ก๊อกน้ำก็จะเปิดอัตโนมัติ และปิดโดยอัตโนมัติเมื่อนำมือออก ช่วยลดการสัมผัสระหว่างมือของผู้ใช้กับก๊อกน้ำได้โดยตรง จึงทำให้ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค เนื่องจากเชื้อโรคต่าง ๆ มักติดอยู่ตามมือของเรา ซึ่งอาจมาสัมผัสกับก๊อกน้ำและแพร่กระจายไปยังจุดอื่น ๆ ของห้องน้ำ รวมถึงการที่มือของผู้ใช้จะไม่สัมผัสกับก๊อกน้ำโดยตรง ก็จะช่วยลดคราบสกปรกและความมันบนก๊อกน้ำได้อีกทางหนึ่ง และเป็นการช่วยประหยัดน้ำ เนื่องจากว่าก๊อกน้ำเซ็นเซอร์จะทำงานเมื่อมือของผู้ใช้งานอยู่ในระยะเซ็นเซอร์เท่านั้น ช่วยลดปัญหาการลืมปิดน้ำ ซึ่งอาจเป็นการปล่อยน้ำให้ไหลทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ได้

8. เครื่องจ่ายสบู่แบบไร้การสัมผัส

เช่นเดียวกับก๊อกน้ำไร้สัมผัส โดยในปัจจุบันมีเครื่องจ่ายสบู่แบบไร้สัมผัสวางจำหน่ายให้เลือกมากมาย มาพร้อมฟังก์ชันเซ็นเซอร์สุดล้ำที่สามารถกะปริมาณของสบู่ที่ต้องการใช้ได้อย่างพอดี จึงทำให้ลดโอกาสเสี่ยงที่เชื้อโรคจากมือจะมาสัมผัสกับตัวเครื่องโดยตรง



2
เตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุด้วยการปรับปรุง ห้องน้ำผู้สูงอายุ ให้เหมาะกับการใช้งานด้วยผลการวิจัยจากผู้ใช้งานจริงเพื่อสร้างห้องน้ำที่ปลอดภัยต่อผู้สูงอายุมากที่สุด


เช่นเดียวกับสถานการณ์ในหลายประเทศทั่วโลก ประเทศไทยเองก็กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ความปลอดภัยกับผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ เพราะผู้สูงอายุเป็นบุคคลสำคัญของทุกครอบครัวที่ควรได้รับความใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ห้องน้ำผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญภายในบ้านจึงควรได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ผู้สูงอายุใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

เนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าว TOTO จึงให้ความสำคัญกับการสร้างแบบห้องน้ำที่ไม่เพียงแต่เหมาะสมสำหรับห้องน้ำผู้สูงอายุเท่านั้น หากยังเป็นห้องน้ําที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกคน โดยใช้หลักพื้นฐานในการสร้างห้องน้ำแบบ Universal Design

บริษัท TOTO จึงได้ก่อตั้ง Universal Design Research Center เมื่อปี 2006 ทำการวิจัยและตรวจสอบผู้ใช้งานที่หลากหลาย และนำผลวิจัยไปพัฒนาการออกแบบสินค้าและพื้นที่ในห้องน้ำผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย รวมถึงมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานในทุกรูปแบบได้

จากการศึกษาห้องน้ำที่เหมาะกับผู้สูงอายุควรมีส่วนประกอบดังนี้

1. ประตูห้องน้ำ
ประตูห้องน้ำผู้สูงอายุควรมีความกว้างอย่างน้อย 90 ซม. และเป็นประตูบานเลื่อนแบบรางแขวนเหนือประตู แต่ไม่มีรางเลื่อนบนพื้นเพื่อป้องกันการสะดุด และควรมีน้ำหนักเบาเพื่อช่วยผ่อนแรง การใช้ประตูชนิดนี้ช่วยให้ผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์สามารถใช้ผ่านเข้าออก รวมถึงสามารถเปิด – ปิดได้สะดวกมากกว่าประตูขนาดเล็ก หรือการใช้ประตูแบบผลัก นอกจากนี้ยังช่วยให้ห้องน้ํามีพื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้อาจเสริมช่องกระจกสำหรับมองเข้าไปในห้องน้ำเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที


2. พื้นห้องน้ำ
พื้นห้องน้ำผู้สูงอายุควรปูกระเบื้องแบบพื้นหยาบไม่ควรเลือกใช้กระเบื้องแบบขัดมัน โดยเลือกใช้พื้นห้องน้ำแบบกระเบื้องที่มีค่า R10 ซึ่งเป็นค่าความหนืดที่เหมาะสม (ค่า R หรือ Ramp คือค่าความหนืดหรือค่ากันลื่นของพื้นผิวกระเบื้อง) เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุเดินบนพื้นเปียกลื่นได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังควรเลือกสีกระเบื้องปูพื้นที่แตกต่างกับสีผนังและสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมองเห็นส่วนต่าง ๆ ในห้องน้ําได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น


3. การแยกโซนเปียก – แห้งภายในห้องน้ำ
นอกจากพื้นกันลื่นจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุแล้ว การออกแบบห้องน้ำผู้สูงอายุแบบแบ่งโซนเปียก และโซนแห้งอย่างชัดเจนก็เป็นการเพิ่มความปลอดภัยได้เช่นกัน โดยห้องน้ําที่เหมาะกับผู้สูงอายุควรแบ่งโซนอย่างชัดเจน และไม่ควรเป็นพื้นต่างระดับ ควรจัดเตรียมเก้าอี้ให้ผู้สูงอายุ สำหรับนั่งอาบน้ำ มีแผ่นกันลื่นและราวจับช่วยพยุงตัวในโซนเปียกด้วย ส่วนโซนแห้งซึ่งเป็นส่วนของสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าก็ควรเป็นส่วนที่แห้งสนิท เพื่อป้องกันผู้สูงอายุประสบอุบัติเหตุลื่นล้มได้


4. การเลือกใช้โถสุขภัณฑ์
สำหรับโถสุขภัณฑ์ที่เหมาะสมกับห้องน้ำผู้สูงอายุควรมีความสูง 40 ซม. โดยวัดตั้งแต่ฝารองนั่งชักโครกด้านล่างไปจนถึงพื้น ความสูงระดับนี้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีความสูงทั่วไป เพราะเมื่อนั่งบนโถสุขภัณฑ์แล้วเท้าจะเหยียบบนพื้นได้อย่างเต็มที่เป็นตำแหน่งการนั่งที่มั่นคงได้มาตรฐาน สำหรับผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์เหมาะกับโถสุขภัณฑ์ที่มีความสูง 45 ซม. เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถสไลด์ตัวจากรถเข็นไปยังโถสุขภัณฑ์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น


นอกจากการเลือกโถสุขภัณฑ์ที่มีความสูงที่เหมาะสมแล้ว เรื่องของสุขอนามัยและความปลอดภัยในห้องน้ำผู้สูงอายุก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำถึงถึง เช่น การติดตั้ง โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ (NEOREST) หรือ โถสุขภัณฑ์พร้อมฝารองนั่งอัตโนมัติ (WASHLET) ให้กับผู้สูงอายุ แทนการใช้สายฉีดชำระ เนื่องจากการใช้สายฉีดชำระทำให้ผู้สูงอายุใช้งานได้ยากขึ้น เพราะต้องขยับตัวและออกแรงในการเอี้ยวตัวเพื่อหยิบสายฉีดชำระในการใช้งาน อาจเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการเสียสมดุล นอกจากนี้การใช้สายฉีดชำระ มีโอกาสทำให้พื้นเปียก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุในห้องน้ําของผู้สูงอายุ นอกจากเหตุผลด้านความปลอดภัยแล้ว การใช้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ หรือโถสุขภัณฑ์พร้อมฝารองนั่งอัตโนมัติ ที่ฉีดชำระอัตโนมัติ ยังช่วยให้มีสุขอนามัยที่ดีได้อีกด้วย

5. การเลือกใช้อ่างล้างหน้า และก๊อกน้ำ
การเลือกใช้อ่างล้างหน้าในห้องน้ำผู้สูงอายุ ควรเลือกใช้อ่างล้างหน้าแขวนผนังแบบไม่มีเคาน์เตอร์ หรือตู้ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์ เนื่องจากไม่สามารถเข้าใกล้เพื่อใช้งานอ่างล้างหน้าได้อย่างสะดวก ควรติดตั้งอ่างล้างหน้าสูงจากพื้นประมาณ 75 ซม. ซึ่งเป็นความสูงที่เหมาะกับคนทั่วไป และเหมาะกับผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์ด้วย โดยผู้สูงอายุหรือผู้ดูแลสามารถเข็นรถเข้าไปใกล้อ่างล้างหน้าได้มากที่สุด ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะหากติดตั้งที่ความสูงปกติ 80 ซม. จะสูงเกินกว่าที่ผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์จะใช้งานได้

สำหรับก๊อกน้ำเนื่องจากห้องน้ำผู้สูงอายุที่ปลอดภัยควรเป็นแบบห้องน้ำที่ผู้สูงอายุไม่ต้องออกแรงมากจนเกินไป ดังนั้นด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ที่มีระบบอัตโนมัติ จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุได้มากกว่าก๊อกน้ำทั่วไป เพราะไม่ต้องออกแรงเปิด – ปิด และยังช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อแบคทีเรียที่มองไม่เห็นที่เกาะติดอยู่บนก๊อกน้ำได้อีกด้วย

6. การติดตั้งราวช่วยพยุงข้าง
ราวจับหรือราวพยุง (Handrail) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญภายในบ้านโดยเฉพาะในห้องน้ำผู้สูงอายุ สำหรับตำแหน่งที่ขาดไม่ได้คือข้างโถสุขภัณฑ์เพราะเป็นจุดที่ผู้สูงอายุต้องนั่งและยืนซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้บ่อย ราวจับที่นิยมใช้เป็นราวจับรูปตัว L เนื่องจากจับได้หลายรูปแบบช่วยเพิ่มความมั่นคง โดยตำแหน่งการติดตั้งราวจับที่เหมาะสมมีดังต่อไปนี้

    1.ราวจับรูปตัว L ที่ติดตั้งข้างสุขภัณฑ์ควรติดตั้งในระยะจากผนังด้านหลังสุขภัณฑ์จนถึงปลายด้านหน้าสุขภัณฑ์ประมาณ 20 – 30 ซม. จึงจะอยู่ในระยะที่ผู้ใช้งานจับแลัวช่วยพยุงให้ลุกนั่งได้สะดวก
    2.ระยะราวจับทั้งซ้ายและขวาของสุขภัณฑ์ต้องหากจากกึ่งกลางสุขภัณฑ์ข้างละ 35 ซม.
    3.ราวจับควรติดตั้งสูงจากฝารองนั่งสุขภัณฑ์ 25 ซม.

นอกจากการติดตั้งราวจับข้างโถสุขภัณฑ์แล้วการติดตั้งราวจับข้างอ่างล้างหน้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรติดตั้งราวจับแบบไม่มีบาร์กั้นเพราะเหมาะกับทั้งผู้สูงอายุทั่วไป และผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์ รวมไปถึงราวจับภายในส่วนอาบน้ำควรใช้แบบบาร์เดี่ยว จึงจะช่วยให้ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวกสบายมากที่สุด

7. แสงสว่างที่เพียงพอ
ห้องน้ำผู้สูงอายุ ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอ และใช้แสงสีขาวเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมองเห็นสุขภัณฑ์ได้ชัดเจนขึ้น ไม่ควรปล่อยให้ห้องน้ำมีแสงสว่างน้อยเกินไป หากหลอดไฟชำรุดเสียหายควรรีบซ่อมแซมให้เรียบร้อยเพราะอาจทำให้ผู้สูงอายุมองเห็นได้ไม่ชัดเจน นอกจากนี้ควรติดสวิตช์ไฟในห้องน้ําให้อยู่ในระดับต่ำกว่าระดับปกติเล็กน้อยเพื่อให้ผู้สูงอายุที่ใช้รถวีลแชร์ใช้งานได้สะดวกด้วยเช่นกัน

ความปลอดภัยในห้องน้ำผู้สูงอายุนับเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพราะการปรับปรุงแบบห้องน้ำให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุนอกจากจะช่วยให้ท่านใช้งานได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังเป็นการปกป้องผู้สูงอายุจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง ช่วยให้ผู้สูงอายุมีช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกับทุกคนในครอบครัวได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

3


วัยเกษียณ เป็นวัยที่เรารู้กันดีว่าเป็นวัยที่หยุดทำงาน ไม่มีรายได้ประจำหรือเงินเดือนแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินเดือนเหมือนเมื่อก่อนแล้วจะไม่ต้องเสียภาษี เพราะวัยเกษียณที่ยังมีรายได้ถึงเกณฑ์ก็ยังต้องจ่ายภาษีด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดนี้อาจทำให้วัยเกษียณมือใหม่หลายคนเกิดกังวลใจ แต่ความกังวลนี้จะหมดไปได้หากรู้จักและเลือกใช้ การลดหย่อนภาษี สำหรับการยื่นภาษีประจำปีได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการลดหย่อนภาษีสำหรับวัยเกษียณนั้นจะขึ้นอยู่แล้วแต่กรณี ดังนี้

·กรณีมีรายได้เป็นดอกเบี้ย เงินปันผล เงินคืนประกัน
·กรณีมีรายได้สวัสดิการ
·สิทธิผู้สูงอายุ

กรณีมีรายได้เป็นดอกเบี้ย เงินปันผล เงินคืนประกัน
สำหรับผู้ที่มีรายได้เป็นดอกเบี้ยจากเงินฝากประจำ เงินปันผล กำไรจากการขายหุ้น และเงินคืนประกันบำนาญไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับการยกเว้นการจ่ายภาษี ตามหลักเกณฑ์ต่างๆ ได้แก่

· ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ในกรณีที่มีดอกเบี้ยเงินฝากประจำอย่างน้อย 1 ปี ที่มีดอกเบี้ยน้อยกว่า 30,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี เบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี

· กำไรจากการขายหุ้น ก็จะได้รับการยกเว้นจากการขายในตลาดหลักทรัพย์

· เงินปันผล  ที่เราได้จากหุ้นหรือกองทุนรวมก็ตาม ถือว่าเป็นรายได้ที่เราต้องเสียภาษี โดยหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ 10% แต่ว่าเงินปันผลถือว่าเป็นเงินได้ชนิดพิเศษที่มีสิทธิ์ “Final Tax” ที่จะนำมารวมหรือไม่รวมคำนวณ ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตอนปลายปีได้

· เงินคืนประกันบำนาญ หากได้ซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญไว้ก่อนเกษียณ เมื่อถึงเวลาได้รับเงินบำนาญยามเกษียณ เงินจำนวนนี้ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเช่นกัน

กรณีมีรายได้สวัสดิการ
สำหรับวัยเกษียณแม้จะไม่ได้มีรายได้เป็นเงินเดือนเหมือนตอนวัยทำงาน แต่ก็ยังมีรายได้สวัสดิการที่วัยเกษียณจะได้รับ โดยรายได้สวัสดิการนี้จะมีภาษีที่ต้องจ่ายและสิทธิลดหย่อนได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

· เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นเงินที่รัฐบาลให้กับผู้สูงอายุทุกคน ในอัตราแตกต่างกันตามช่วงอายุ โดยรายได้ส่วนนี้จะถูกนำไปรวมคำนวณภาษี ถ้าอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ไม่ถึงกำหนดจะไม่ต้องเสียภาษี
· ภาษีเงินบำนาญข้าราชการ ซึ่งเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) สามารถใช้เป็นค่าลดหย่อน ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
· บำเหน็จ/บำนาญชราภาพ จากกองทุนประกันสังคม คือรายได้รายเดือนที่จะได้ตลอดชีวิตในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย โดยรายได้ส่วนนี้จะได้รับการยกเว้นภาษี ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไข
· บำเหน็จดำรงชีพ ได้แก่เงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับบำนาญ เพื่อช่วยเหลือในการดำรงชีพ ผู้มีสิทธิขอรับบำเหน็จดำรงชีพ คือ ข้าราชการที่ออกจากราชการ และขอรับบำนาญ อัตราในการจ่ายไม่เกินสิบห้าเท่าของบำนาญรายเดือนที่ได้รับ แต่ไม่เกินสี่แสนบาท ซึ่งรายได้จำนวนนี้จะได้รับการยกเว้นการเสียภาษี ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด

สิทธิผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีสิทธิในการลดหย่อนภาษีในฐานะผู้สูงอายุได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้

· สำหรับผู้มีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ สามารถนำสิทธิยกเว้นเงินได้ 190,000 บาทแรกของตน ไปหักออกจากเงินได้ประเภทใดก็ได้ที่ตนได้รับระหว่างปีภาษี ซึ่งสิทธิลดหย่อนนี้จะทำให้วัยเกษียณมีรายได้ที่นำไปคำนวณสำหรับการเสียภาษีน้อยลง และทำให้จ่ายภาษีในอัตราที่น้อยลงนั่นเอง ประกันสุขภาพ   
 
· และสำหรับผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท บุตรก็สามารถนำสิทธิอุปการะบิดามารดาไปใช้ลดหย่อนได้ด้วยเช่นกัน

ชีวิตวัยเกษียณเป็นสิ่งที่หลายคนอาจรู้สึกกังวล ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกาย และเรื่องสำคัญอย่างเรื่องรายได้ที่จะไม่ได้มีเหมือนกับการเป็นวัยทำงานอีกแล้ว แต่ความกังวลนี้สามารถแก้ไขหากเรามีการเตรียมพร้อมทางการเงินที่ดีด้วย ซื้อประกันให้พ่อแม่

4



จากข้อมูลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ในปี ในปี พ.ศ. 2559 - 2563 พบว่ามีการเบิกจ่ายเกี่ยวกับ ค่ารักษาโรคมะเร็ง ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในระยะยาวเป็นจำนวน 4,117,504 ครั้ง โดย มีการชดเชยค่ารักษาไปมากกว่า 26,679 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าคนไทยมีอัตราการเป็นโรคมะเร็งสูงขึ้นอย่างมาก และเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ติดต่อกันหลายสิบปี แน่นอนค่ารักษาพยาบาลในการรักษาโรคมะเร็งที่ตามมาก็จะค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพราะต้องใช้วิธีการรักษามะเร็งหลายรูปแบบร่วม กัน เช่น ค่าผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Endoscopic Surgery) ค่าฉายรังสี (Radiotherapy) ค่าเคมีบำบัด หรือคีโม (Chemotherapy) ค่ายาต้านฮอร์โมน (Hormonal Treatment) หรือค่ารักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy) เป็นต้น


แต่ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับประเภท โรงพยาบาลที่เข้ารับรักษา ความรุนแรง ระยะของมะเร็ง และวิธีการรักษา ด้วย ดังนั้นเราก็ควรที่จะวางแผนการเงินเพื่อเตรียมทำประกันรับมือกับโรคร้ายอย่างโรคมะเร็ง โดยการซื้อประกันมะเร็งไว้คุ้มครองตัวเราเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระทางการเงินของครอบครัว เพราะเราคงไม่อยากใช้เงินที่เก็บมาตลอดชีวิตมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลตัวเองจนหมดตัวอย่างแน่นอน

ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งแต่ละชนิด มีอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็งอาจแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ เช่น ค่าผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Endoscopic Surgery) ค่าฉายรังสี (Radiotherapy) ค่าเคมีบำบัด หรือคีโม (Chemotherapy) ค่ายาต้านฮอร์โมน (Hormonal Treatment) หรือค่ารักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy)

ราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้อง จะขึ้นอยู่กับประเภทโรงพยาบาลที่เข้ารักษา ความรุนแรง ระยะของมะเร็ง และวิธีการรักษา ซึ่งสามารถสรุปค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งที่พบบ่อย ได้ดังนี้
 
1. มะเร็งปอด ค่ารักษาเฉลี่ย 197,600-141,100 บาท
มะเร็งปอดเกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติอย่างรวดเร็วและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดเป็นกลุ่มก้อนของเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อมีขนาดใหญ่ มีจำนวนมาก และแพร่ไปตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย เกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ การสูบบุหรี่ ควันบุหรี่มือสอง การทำงานในอุตสาหกรรมที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น โครเมียม ไรแย่หิน แร่เรดอน นิกเกิล เป็นต้น สภาวะแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองพิษ และสุดท้ายอาจมีสาเหตุจากพันธุกรรม

2. มะเร็งเต้านม ค่ารักษาเฉลี่ย 84,500-69,300 บาท
เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในเพศหญิง โดยจากสถิติทั่วโลกจะพบผู้ป่วย 1 คนจากผู้หญิง 8 คน โอกาสพบมะเร็งมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น คนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม หรือการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์



3. มะเร็งปากมดลูก ค่ารักษาเฉลี่ย 144,400 บาท
มะเร็งปากมดลูก จัดเป็นมะเร็งในอันดับที่สองที่พบได้บ่อยในผู้หญิงน่ากลัวไม่แพ้มะเร็งเต้านม เพราะแม้จะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถเป็นได้ พบในผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการติดเชื้อไวรัสเฮชพีวี การมีคู่นอนหลายคน สูบบุหรี่ มีบุตรจำนวนมาก ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) และไม่เคยตรวจภายใน

4. มะเร็งต่อมลูกหมาก ค่ารักษาเฉลี่ย 182,400 บาท
มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่พบได้ในผู้ชายโดยเฉพาะผู้ชายสูงวัยที่เริ่มเข้าสู่วัยชรา เป็นมะเร็งที่พัฒนาในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย  มักเป็นมะเร็งที่ซ่อนเร้น ไม่ปรากฎอาการในระยะแรกๆ มีสาเหตุมาจาก มีประวัติบิดาหรือพี่น้องเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ผู้ที่สูบบุหรี่ก็สามารถเป็นได้

5. มะเร็งศีรษะและลำคอ ค่ารักษาเฉลี่ย 130,100 - 186,600 บาท
มะเร็งศีรษะและลำคอ จัดเป็น 1 ใน 10 อันดับมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในเพศชาย เกิดขึ้นได้ในอวัยวะ ต่างๆ เช่นบริเวณหู คอ จมูก โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่มาจากการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอลล์ และกรรมพันธุ์ มีวิธีการตรวจวินิจฉัยไม่ยาก แต่ในบางตำแหน่งอาจต้องใช้ความ ชำนาญ และอุปกรณ์เฉพาะในการตรวจ



สำหรับใครสนใจที่จะทำประกันมะเร็งเผื่อวางแผนสุขภาพระยะยาวเพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า มะเร็งจะเกิดขึ้นกับเราตอนไหน ยังไงก็ขอฝากประกันดีๆ อย่าง ประกันมะเร็ง จากไทยประกันชีวิต ให้มาช่วยดูแล จะได้ไม่ต้องกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลเราจะมากแค่ไหน มีความคุ้มครองที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งชนิดไหนก็สามารถทำได้

การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในวันที่สุขภาพยังแข็งแรงดีเป็นทางเลือกที่ดีในความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเรา เพราะโรคมะเร็งบางทีก็มาแบบปุ๊บปั๊บไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า อย่างน้อยการมีตัวช่วยอย่างประกันมะเร็ง ก็สามารถคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเราได้ มีค่าชดเชยต่างๆ ที่เราจะได้รับ ก็จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกรับการรักษาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นการออมเงินเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของคนที่อยู่ข้างหลังเรากรณีเราเสียชีวิต ก็ยังได้เงินก้อนมาดูแลครอบครัวได้สักระยะหนึ่ง

หน้า: [1]
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google